เวียดนาม: ประเทศเดียวเหมือนเที่ยวทั่วโลก

เวียดนาม: ประเทศเดียวเหมือนเที่ยวทั่วโลก



ที่มา https://bit.ly/2Od6HvT

สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) หรือเรียกย่อๆ ว่าเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรอินโดจีนและมีรูปร่างเรียงเป็นรูปตัว S ตามแนวชายฝั่ง โดยเวียดนามเป็นประเทศหนึ่งที่มีความหลากหลายสูง เช่น ในแง่ของประวัติศาสตร์การต่อสู้ที่ยาวนานเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราช โดยเหตุการณ์ที่ทำคนทั่วโลกรู้จักเวียดนามคือ การทำสงครามยุทธภูมิเดียนเบียนฟู (เนินเขา A1) โดยการนำของโฮจิมินห์ ในแง่ชาติพันธ์ุของเวียดนามที่มีชาวเขาหลากหลายเผ่าพันธุ์ เช่น คนไต ชาวเย้า ชาวม้ง และขมุ ฯลฯ ที่อาศัยอยู่รวมกับคนชาติพันธุ์กินห์ (เวียดนาม) จนก่อให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ที่แปลก แตกต่างและไม่เหมือนใครอย่างลงตัว หรือในแง่ของวัฒนธรรม ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะมีการรับเอาและผสมผสานทั้งวัฒนธรรมของจีน ญี่ปุ่นและฝรั่งเศสกับวัฒนธรรมท้องถิ่นจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่นที่มีกลิ่นอายของทั้งตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัวทำให้ที่ท่องเที่ยวแต่ละที่ของเวียดนามแต่ละอันนั้นเป็น Unseen ที่ไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด ดังนี้

เขียนโดย จิราภรณ์ ทรงพระ

1. นาขั้นบันไดที่ซาปา


ที่มา https://bit.ly/2yFCJMa
ซาปา ตั้งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศเวียดนามใกล้กับชายแดนจีนทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดปีและเป็นดินแดนแห่งขุนเขาที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์มากที่สุดในประเทศเวียดนาม ในอดีตเมืองซาปาจึงเคยถูกสร้างให้เป็นเมืองตากอากาศของชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาปกครองในสมัยยุคอาณานิคม เพราะด้วยตัวเมืองซาปาที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่และอากาศที่เย็นตลอดปี จึงทำให้ซาปามีสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนและการวางผังเมืองแบบอาณานิคมฝรั่งเศส (French Colonial) โดยหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวนิยมไปเป็นอันดับต้นๆ ในซาปา คือ การทำนาขั้นบันได ที่เขียวขจีท่ามกลางลาดไหล่เขาที่ทอดตัวอย่างสวยงามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และมีฉากหลังคือเทือกเขาฟานสีปัน ภูเขาที่มีความสูงที่สุดในประเทศแถบอินโดจีน (จึงเป็นที่มาของฉายาหลังคาแห่งอินโดจีนและแอลป์แห่งอ่าวตังเกี๋ย)






ที่มา https://bit.ly/2AACDXx

จุดที่นักนักท่องเที่ยวนิยมไปและช่วงเวลาที่ควรไปเที่ยว

การทำนาขั้นบันไดสามารถหาชมได้เกือบทุกมุมของเมืองซาปาแต่จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ หมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) ของชาวม้งและหมู่บ้านตานพินของชาวเย้า โดยหมู่บ้านเหล่านี้นอกจากจะมีนาขั้นบันไดที่สวยงามแล้ว ยังเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่โดยรอบและยังสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมของชาวเขาที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นอย่างใกล้ชิด 

การจะไปชมนาขั้นบันไดเมืองซาปานั้นมีช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน โดยช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป นาข้าวจะเขียวขจี แต่นักท่องเที่ยวต้องระวังเรื่องสภาพอากาศเพราะเป็นช่วงฤดูฝนของเวียดนาม ขณะที่ช่วงต้นเดือนกันยายนเป็นช่วงที่นาขั้นบันไดสวยงามที่สุด หากเข้าสู่ช่วงกลางจนถึงถึงปลายเดือนนาข้าวจะมีสีเหลืองทอง สวยงามแต่ถ้าเดินทางมาในช่วงหลังจากนั้น จะไม่มีนาขั้นบันไดให้ชม เนื่องจากชาวเขาจะเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดไปแล้ว


2. พระราชวังเว้

ที่มา https://w.tt/2ESRDnL

เมืองเว้ตั้งอยู่ที่ภาคกลางของประเทศเวียดนาม เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามราว 400 ปีก่อนตั้งแต่ยังมีระบอบกษัตริย์ พระราชวังเว้แห่งนี้ได้รับอิทธิพลจากจีนอย่างมากมายเพราะเคยถูกปกครองโดยจีนนับพันปี ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม สี สัญลักษณ์ จนถึงตัวอักษรที่เขียนแบบจีนแต่ออกเสียงต่างไป (อักษรก๊วกงือ) พระราชวังเว้มีพื้นที่กว่า 5.2 ตร.กม. มีกำแพงเมืองมีกำแพงเมือง 3 ชั้น ไล่เรียงกันไปในแต่ละชั้น กำแพงเมืองชั้นที่ 1 คือ ป้อมปราการเมืองหลวงเว้ (Kinh Thah Hue) มีทางเข้า 10 ทาง และมีป้อมระวังภัย 24 ป้อม ด้านซ้ายจะมีซุ้มปืนใหญ่ 4 กระบอกแทนฤดูกาลทั้ง 4 คือ ร้อน ฝน ใบไม้ผลิ และหนาว ส่วนฟากขวามี 5 กระบอก แทนธาตุทั้ง 5 ในจักรวาล ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ และโลหะ ตามความเชื่อแบบจีน ชั้นที่ 2 เป็นป้อมปราการหลวง (Hoang Thanh)

 ปัจจุบันประตูเมืองทั้ง 4 ประตูเปิดให้ทุกคนสัญจร ต่างจากในอดีตที่ประตูทางทิศใต้ (จุดขายตั๋ว) เป็นทางเข้าออกสำหรับกษัตริย์เท่านั้นประตูนี้จะเปิดตรงสู่ท้องพระโรงนามว่าพระราชวังไทฮัว หรือไท่ฮัว หรือไทฮวา (Thai Hoa Palace) ซึ่งเป็นจุดเด่นของทั้งหมด และในส่วนของกำแพงชั้นสุดท้ายคือ “ป้อมปราการต้องห้าม” (Tu Cam Thanh) ภายในกำแพงเป็นที่ประทับของกษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ ในราชวงศ์เหงียนและครอบครัว มีอีกชื่อว่าพระราชวังสีม่วง (Purple Palace) มีที่มาลึกซึ้งจากแสงแรกของพระอาทิตย์ที่มองเห็นเป็นสีม่วงสามารถอธิบายด้วยแถบรุ้งกินน้ำที่เมื่อแสงหักเหจะเห็นเป็นสีรุ้ง ซึ่งมีสีม่วงเป็นสีแรกนั่นเองกำแพงชั้นนี้มีประตูเข้าออก 7 ประตู ภายในมีสิ่งปลูกสร้างที่แตกต่างกันถึง 50 หลัง เช่น วังส่วนตัวของกษัตริย์ ที่พักของพระมเหสี ที่พักของสนม ห้องมหรสพ ห้องครัวสำหรับปรุงพระกระยาหารของกษัตริย์โดยเฉพาะ ห้องอ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งพระราชวังแห่งนี้มีความหมายทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์และความงดงามทางสถาปัตยกรรมจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2536


ที่มา https://bit.ly/2RlyuMo


เวลาเปิด-ปิด

วันจันทร์-วันอาทิตย์ เปิด 8:00–17:30 (ยกเว้นวันพฤหัสบดี เปิด 8:00–22:00)


3. บานาฮิลล์ 

ที่มา https://bit.ly/2SyxhCK


บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) ตั้งอยู่ที่เมืองดานัง ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม ในอดีตเคยเป็นสถานพักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส ในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง จึงมีก่อสร้างอาคารบนยอดเขาให้มีบรรยากาศคล้ายกับยุโรป เพราะฉะนั้นสถานที่แห่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นที่พักตากอากาศดีที่สุดของเวียดนามเพราะแม้ว่าจะตั้งอยู่ที่ภาคกลางแต่อากาศด้านบนเขานั้นหนาวเย็นตลอดทั้งปีประมาณ 10 องศาเท่านั้น บานาฮิลล์เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งถูกเนรมิตขึ้นบนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลมากถึงประมาณ 1,487 เมตร 

มีจุดท่องเที่ยวกระจายกันไปโดยรอบแต่ละพื้นที่บนยอดเขา ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปเที่ยวชม และกระเช้าไฟฟ้าที่ว่านี้ ก็เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ยาวและสูงที่สุดในโลกด้วย มีความยาวมากถึง 5,801 เมตร และสูง 1,368 เมตร ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสปุยเมฆหมอก และบางจุดมีเมฆลอยต่ำกว่ากระเช้าทำให้เมื่อเวลานั่งกระเช้ารู้สึกเหมือนว่าลอยได้พร้อมทั้งได้สูดอากาศบริสุทธิ์อันสดชื่นของยอดเขาแห่งนี้ด้วย


ที่มา https://bit.ly/2OYnKa8

สถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด

สวนสนุก Fantasy Park, สวนสนุก Disney Vietnam, วัดลีงอึ้ง, สวนดอกไม้ Le Jardin d’ Amour, โรงไวน์ Debay Wine Cellar, กระเช้าลอยฟ้าและสะพาน Golden Bridge นอกจากนี้ยังมีวัดและสถานที่พักผ่อนไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอรท์ ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาด้วย


4. ฮอยอัน 

ที่มา https://bit.ly/2OVZaXo

ฮอยอัน (Hoi An) ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศเวียดนาม ห่างจากเมืองท่าดานังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ในสมัยของอาณาจักรจามปาบริเวณนี้เคยเป็นเมืองท่าบนปากแม่น้ำทูโบน ซึ่งมีชื่อว่า ไฮโฟ โดยเป็นศูนย์กลางทางการค้าในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 มีชาวต่างชาติมาตั้งถิ่นฐานและค้าขายในเมืองนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งชาวจีน ญี่ปุ่น ดัตช์ และอินเดีย เดิมทีเมืองนี้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยมีคลองสายหนึ่งคั่นอยู่กลางเมือง มีสะพานญี่ปุ่นทอดข้ามคลองเพื่อกั้นแบ่งเขตชุมชนของชาวญี่ปุ่นที่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง ตัวสะพานสร้างโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู 

ก่อนเดินข้ามสะพานด้านซ้ายมือจะมีรูปปั้นสุนัขกำลังนั่ง และเมื่อข้ามไปแล้วก็จะเจอกับลิงอีกตัวซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณฮอยอัน ในปี พ.ศ. 2542 องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเขตเมืองเก่าของฮอยอันให้เป็นมรดกโลก ด้วยเหตุผลว่าเป็นตัวอย่างของเมืองท่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15-19 ที่มีการผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมทั้งของท้องถิ่นและของต่างชาติไว้ได้อย่างมีเอกลักษณ์ และอาคารต่าง ๆ ภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี สำหรับการมาเที่ยวชมเมืองฮอยอัน สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ที่เมืองเก่าบริเวณหัวถนนตรันฝู ภายในบัตรนั้นสามารถเข้าชมได้ 5 สถานที่ภายใน 1 วัน จะเลือกเดินเท้าเข้าชมเมือง เช่าจักรยาน หรือใช้บริการของสามล้อถีบก็ได้เช่นกัน เนื่องจากฮอยอันเป็นเมืองเล็ก ๆ มีถนนสายหลักเพียงไม่กี่เส้น ใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เที่ยวครบแล้ว

ที่มา https://bit.ly/2EPAFXe

สถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ควรพลาด

สมาคมฟุกเกี๋ยน (Phouc Kien Assembly Hall), บ้านเลขที่ 101 (Old House No.101), บ้านเลขที่ 7 (Old House No.7), ศูนย์วัฒนธรรมและหัตถกรรม (Handicraft workshop and traditional music shop), พิพิธภัณฑ์เซรามิก (Museu of Trading Ceramics), แม่น้ำทูโบน (Thu Bon River)


5. โบสถ์โดเมนเดมารี 

ที่มา https://bit.ly/2zaGcSa


โบสถ์โดเมนเดมารีแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองด่าหลัต ทางภาคใต้ของเวียดนาม สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1930 โดย Zuzanne Humbert ภริยาของผู้ว่าการอินโดไชน่าชาวฝรั่งเศส ตั้งแต่ในสมัยที่ฝรั่งเศสยังปกครองเวียดนามในฐานะอาณานิคม ลักษณะของโบสถ์โดเมนเดมารีเป็นการผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสสมัยศตวรรษที่ 17 กับรูปแบบของอาคารพื้นบ้านในเวียดนามออกมาเป็นโบสถ์ที่ดูภายนอกจะเหมือนกับบ้านพัก สูง 2 ชั้น และโดดเด่นด้วยการทาสีชมพูอ่อน ๆ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า โบสถ์เวียดนามแห่งนี้เป็นคอนแวนต์ที่มีแต่แม่ชีอยู่อาศัยนั่นเอง


อ้างอิง

จันจิรา อินทรศักดิ์. (มปก). นาขั้นบันได เวียดนาม มนตร์เสน่ห์แห่งขุนเขาในฤดูฝน. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view99905.html. 16 ตุลาคม 2561

มปก. (มปป). ข้อมูลพื้นฐานของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.ditp.go.th/contents_attach/141176/141176.pdf. 16 ตุลาคม 2561

Mushroom Trave. (2560). ซาปา ที่เที่ยว แสนโรแมนติก แห่งเวียดนามเหนือ. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.mushroomtravel.com/page/best-sapa-vietnam. 16 ตุลาคม 2561

มปก. (2560). เที่ยวซาปา เมืองนาขั้นบันได ไอหมอก และขุนเขา. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://bit.ly/2yoSBl. 16 ตุลาคม 2561

กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย. (2557). พระราชวังเว้ อาณาจักรต้องห้ามแห่งเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.posttoday.com/travel/323747. 16 ตุลาคม 2561

เอิงเอย. (2560). บานา ฮิลล์ Ba Na Hills ดานัง เมืองฝรั่งเศสในเวียดนาม นั่งกระเช้าลอยฟ้า เที่ยวเมืองในฝัน.(ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://travel.trueid.net/detail/E0PnebYaa5E. 16 ตุลาคม 2561

AOM. (2561). 5 สถานที่เที่ยวดานัง..เมืองใหม่สุดฮิปแห่งเวียดนาม!. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://tourkrub.co/blog/hip-danang-vietnam. 16 ตุลาคม 2561

JASMINTA. (2560). ‘เมอร์เคียว บาน่าฮิลส์ เฟรนซ์ วิลเลจ’ โรงแรมสุดหรูในเวียดนาม สวยเหมือนเมืองยุโรป!. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.mthai.com/hotel-review/135693.html. 16 ตุลาคม 2561

มปก. (มปป). บานาฮิลล์ ดินแดนแห่งความสนุกบนยอดเขาสูงแห่งดานัง ประเทศเวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.kapook.com/view197331.html. 16 ตุลาคม 2561

LAYBUG. (2557). แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ในเมืองฮอยอัน (Hoian) เวียดนาม. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://travel.mthai.com/world-travel/95329.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). โบสถ์ คอนแวนต์โดเมนเดอมารี Domaine de Marie Conventhttp. (ออนไลน์). แหล่งที่มา : https://www.vietnamonline.com/attraction/domaine-de-marie-church.html. 16 ตุลาคม 2561
มปก. (มปป). โบสถ์ คอนแวนต์โดเมนเดอมารี (Domaine de Marie Conventhttp, Dalat). (ออนไลน์). แหล่งที่มา : http://www.asiatravelroutes.com/th/vietnam/attractions/dalat/domaine-de-marie-convent.html. 16 ตุลาคม 2561


ความคิดเห็น