“
ติโลตตมา
ความงามและการเสียสละ
ปราสาทบันทายศรี เป็นปราสาทหินที่ถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศกัมพูชา โดยปราสาทหลังนี้สร้างอุทิศถวายพระอิศวรภายใต้พระนามว่า "ตรีภูวนมเหศวร" หรือ "ผู้เป็นใหญ่แห่งโลกทั้งสาม" ตัวปราสาทมีขนาดเล็ก สร้างด้วยหินทรายสีชมพูหายาก โดยพราหมณ์ยัชญวราหะ ในตอนปลายของสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 นอกจากตัวปราสาทที่โดดเด่นแล้วสถานที่แห่งนี้ยังมีอีกหนึ่งความโดดเด่น คือ ภาพสลักบนหน้าบันที่เป็นเรื่องราวของนางฟ้าผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า ติโลตตมา
ที่มา https://resortlavillaloti.com/images/banteasreynieuw2.jpg
เมื่อครั้งหนึ่ง มีอสูรพี่น้องสองตน ชื่อ “สุนทะ” และ “อุปสุนทะ”บำเพ็ญตบะ บนยอดเขาวินไธย ทรมานกายด้วยการกินอากาศเป็นอาหาร ยืนหยั่งขาเดียว เบิกตาจ้องพระสุริยะไม่กระพริบตา ปากก็เปล่งวาจาสรรเสริญพระพรหมธาดา ผลของตบะที่เกิดขึ้นอย่างแรงกล้า ทำให้ภูเขาวินไธยกลายเป็นภูเขาไฟ ระเบิดพวยพุ่งไปถึงถึงสวรรค์ชั้นอรูปพรหม (ชั้นที่ 16) ด้วยตบะบารมี พระพรหมธาดาจึงเสด็จลงมา ไต่ถามความต้องการของทั้งสอง อสูรพี่น้องได้ขอพรให้ตัวเองเก่งกว่าใครในสามโลก เป็นอมตะ ใครฆ่าก็ไม่ตาย แต่พระพรหมก็รู้สดับรู้ว่า การให้พรแก่อสูรนั้นเป็นเรื่องไว้ใจไม่ได้ ต้องมีข้อยกเว้นอันแนบเนียนไว้แก้ไข แล้วจึงประสาทพรให้ตามที่ทั้งสองขอมาทุกประการ แต่ก็มีพระสุรเสียงต่อท้ายว่า
“..จะไม่มีใครฆ่าเจ้าทั้งสองให้ตายได้
แต่เจ้าจะตาย หากเจ้าเข่นฆ่ากันเอง…”
ถึงจะสงสัย แต่สองพี่น้องอสูรก็ไม่ติดใจ เพราะมั่นใจว่าเป็นพี่น้องที่เรียกว่าตายแทนกันได้อยู่แล้ว เมื่อได้ฤทธาอำนาจก็ออกอาละวาดทำลายล้างไปทั่วสามภพ เมื่อถึงกาลวิกฤต เหล่าเทพเจ้าได้เข้าปรึกษาพระพรหมธาดา ให้แก้ไข พระองค์ได้ขอให้พระวิศวกรรม ได้เนรมิตอัปสราที่งามเลิศกว่านางใดในสามโลก พระวิศวกรรม ได้รวมเอารัตนอัญมณีจากทุกทั่วสวรรค์ ความหอมของบุปผามาลีทุกแดนฟ้า รัศมีแห่งสุริยะ สังคีตศิลป์ทุกกระแสเสียง สรรพสิ่งที่งามเลิศที่เห็นและสัมผัสได้ มาสร้างเป็นนางฟ้าที่มีชื่อว่า “ติโลตตมา” ขึ้นมา
ที่มา https://www.bloggang.com/data/derek/picture/1217920087.jpg
พระพรหมธาดา ได้ขอให้นางติโลตตมา ได้เสียสละกายใจเพื่อดับยุคอันเลวร้าย โดย ยั่วยวนให้พี่น้องอสูรแตกคอกัน จนต้องฆ่าฟันกันเองให้ได้ ในยามนี้ ทั้งสามโลกต้องฝากความหวังไว้ที่นางคนเดียวเท่านั้น ด้วยความงามยิ่งกว่าใครในสามโลกอย่างแท้จริง ระหว่างที่นางลงมาจากสวรรค์ เหล่าทวยเทพต่างเหมือนต้องมนตราแห่งอัปสราสะกดนิ่ง เหลียวหลังตามนางไปทุกองค์ พระอิศวร ที่เดิมมีเพียงพักตร์เดียว เผลอเหลียวมองนางติโลตตมาจนคอหมุนรอบ เกิดเป็นหน้าขึ้นมาอีกสามพักตร์ ส่วนพระอินทร์นั้น สอดส่ายสายตาตามนางไป จนดวงตาเพิ่มขึ้นทีละดวงจนถึงพัน กลายเป็น “ท้าวสหัสนัยน์”
เมื่อนางติโลตตมา มาพบกับพี่น้องอสูรที่กำลังเสพสุขสำราญในโลกมนุษย์ นางเลือกเข้าไปหาสุนทะอสูรผู้พี่ก่อน แล้วย้ายไปหาอสูรอุปสุนทะผู้น้อง พลางกล่าวน้อยใจว่า “อสูรผู้พี่ของท่านนั้นหมายปองที่จะครอบครองตัวข้าไว้เพียงผู้เดียว ไม่ต้องการให้ข้ามาพบกับท่าน” เสน่หาอันเย้ายวนของนางติโลตตมา สร้างความไม่พอใจให้กับอุปสุนทะอสูรเป็นอย่างมาก นางติโลตตมาหวนกลับไปหาสุนทะอสูร ด้วยจริตมารยา จนอสูรผู้พี่หลงพร่ำเพ้อ เอ่ยสัญญาว่าจะมอบทุกสิ่งในโลกให้ นางตัดพ้อว่า “คงไม่ได้หรอกพี่อสูร เพราะอุปสุนทะน้องของท่านหมายจะครองข้าไว้เพียงคนเดียว และสัญญาจะมอบทั้งโลกมนุษย์นี้ให้เป็นกำนัลแก่ข้าอยู่แล้ว”
คำยุแหย่ทำให้ทั้งสองอสูรเกิดผิดใจกันขึ้นอย่างรุนแรง เมื่อนางเดินออกมาที่กลางลาน ทั้งสองอสูรต่างก็เข้ามาแย่งยื้อ ฉุดรั้งมือแต่ละข้างของนางไว้ นางติโลตตมาจึงตะโกนขึ้นว่า “เห็นไหม เห็นไหม เขาหมายจะครอบครองข้าไว้เพียงผู้เดียวเท่านั้น” ทั้งสองอสูรหลงคิดว่า นางพูดกับตน จึงบันดาลโทสะเข้าเข่นฆ่าแย่งชิง จนตายไปพร้อมกันทั้งคู่ เมื่อเสร็จภารกิจ นางติโลตตมาก็กลับสู่สวรรค์ พระพรหมธาดาเห็นว่า นางผู้งามที่สุดในสามโลกนี้จะก่อปัญหาแก่เทพเจ้าผู้มักมากในสวรรค์เป็นแน่ จึงให้ไปหลบอยู่หลังแสงพระอาทิตย์ที่แสงเจิดจ้า จนไม่มีใครมองเห็นนางได้อีกต่อไป
นอกจาก นางติโลตตมาจะมีความงามมากกว่าใครในสามโลกแล้ว ยังต้องเสียสละตนเองเพื่อปกป้องโลกให้สงบสุขจากยักษ์ทั้งสอง เท่านั้นยังไม่พอเมื่อยักษ์ทั้งสองตายแล้วความงามของนางก็จะยังคงอยู่สร้างปัญหาต่อไปในอนาคต พระพรหมจึงสั่งให้นางไปหลบที่หลังแสงอาทิตย์จนไม่มีใครสามารถมองเห็นอีกนางเลย...(แบบนี้สิถึงเรียกว่างามอย่างแท้จริง)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง:
เทพธิดา “ติโลตตมา” ความงามและความเสียสละเหนือใคร. (2560). เทพธิดา “ติโลตตมา” ความ
งามและความเสียสละเหนือใคร. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2560, จาก
http://www.cuharry.com
เชษฐ์ ติงสัญชลี. (มปป). หน้าบัน สลักภาพเล่าเรื่องมหาภารตะ. สืบค้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2560, จาก
http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/.html
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น