ตำนานครุฑยุดนาค

    ตำนานครุฑยุดนาค
   ศัตรูตลอดกาล

ที่มา https://www.bloggang.com/data/kruaun/picture/1287482961.jpg

                      ปราสาทหินวัดพู เป็นเทวสถานขอมที่ตั้งอยู่ในสปป.ลาว สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 12 สมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน มีจุดประสงค์เพื่อเป็นโบสถ์พราหมณ์ที่สร้างถวายพระศิวะ ที่ทับหลังของปราสาทแห่งนี้มีตำนานที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่งนั่นก็คือ ตำนานของพญานาคกับครุฑ  


                                 ที่มา http://1037044765.rsc.cdn77.org/wp-content/uploads/2016/06/Wat-Phu-Laos.jpg
                      
                             ตามตำนานคัมภีร์ปุราณะของฮินดูเล่าถึงกำเนิดพญาครุฑไว้ว่า ครั้งหนึ่งพระทักษะปชาบดีได้ยกสิบสามนางให้พระกัศยปเทพบิดร ซึ่งธิดาสององค์ คือ นางวินตา (Vinta) และนางกัทรุ (Kadru) แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน นางกัทรุขอพรจากพระกัศยปให้มีบุตรเป็นนาคหนึ่งพันตัว ส่วนนางวินตาขอพรให้มีบุตรเพียงสององค์แต่ให้มีฤทธิ์อำนาจมากกว่าบุตรของนางกัทรุ นางกัทรุคลอดบุตรออกมาเป็นไข่หนึ่งพันฟอง เมื่อเวลาผ่านไปห้าร้อยปี ก็บังเกิดเป็นนาคหนึ่งพันตัว ส่วนนางวินตา คลอดลูกเป็นไข่สองฟอง หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนานไข่ก็ยังไม่ฟักเป็นตัว นางวินตาอดรนทนไม่ไหว จึงทุบไข่ใบแรกแตก ปรากฏเป็นบุตรชายของนางยังเติบโตไม่เต็มที่ กลายเป็นที่เทพมีเพียงครึ่งองค์ ไม่มีท่อนล่าง เนื่องจากเกิดก่อนกำหนดนามว่า อรุณเทพบุตร พระอรุณโกรธนางวินตามาก ที่ทำให้ตนพิการ จึงสาปให้ต้องไปพบเหตุการณ์ที่ทำให้นางตกเป็นทาสนางกัทรุ ห้าร้อยปี แต่ก็บรรเทาคำสาปว่า หากนางวินตาสามารถทนรอไปอีกห้าร้อยปีจนไข่อีกฟองหนึ่งฟักเป็นตัว บุตรในไข่ใบที่สองจะช่วยนางให้พ้นคำสาป

      
 ที่มา  https://c1.staticflickr.com/7/6082/6050732063_20912f6579_b.jpg


                                     ต่อมานางวินตา และนางกัทรุแข่งพนันทายสีม้าเทียมรถทรงของพระอาทิตย์ โดยมีข้อแม้ว่าหากผู้ใดแพ้ต้องยอมเป็นทาสของอีกฝ่ายหนึ่ง นางกัทรุใช้อุบายให้นาคผู้เป็นลูกเข้าไปแทรกอยู่ในรถขนม้า เพื่อให้สีเปลี่ยนไป นางวินตาจึงแพ้พนัน กลายเป็นทาสของนางกัทรุ หลังจากนั้นอีกห้าร้อยปี ไข่ใบที่สองก็แตกออกมาเป็นบุตรผู้มีกำลังมหาศาล มีรัศมีทองสว่างไสวกว่าพระอาทิตย์นับร้อยเท่า มีศีรษะจงอยปากและปีกเหมือนนกอินทรี แต่ร่างกายและแขนขาเหมือนมนุษย์มีนามว่า "เวนไตย" (แปลว่า เกิดจากนางวินตา) เมื่อพญาเวนไตยเติบโตขึ้น ทราบว่ามารดาตนต้องเป็นทาสของกัทรุเพราะแพ้อุบาย จึงขอไถ่ตัวนางวินตาจากเหล่านาค พวกนาคก็ยินยอม โดยมีข้อแม้ว่า พญาเวนไตยต้องไปเอาน้ำอมฤตที่พระอินทร์เก็บรักษาไว้บนสวรรค์มาให้พวกตน


                 ที่มา https://w.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12187201/E12187201-25.jpg
                             

                              พญาเวนไตยตกลง โดยก่อนออกเดินทางได้ขอพรจากมารดา ซึ่งนางวินตาบอกว่า ระหว่างทางหากหิว ให้กินเฉพาะคนป่าเถื่อน (นิษาท) และห้ามทำอันตรายพวกพราหมณ์โดยเด็ดขาด พญาเวนไตยก็รับคำมารดา ในระหว่างทางเมื่อเกิดความหิวก็จับพวกนิษาทกินเป็นอาหารแต่ก็ไม่อิ่ม จึงไปจับเต่า (วิภาวสุ) และช้าง (สุประตึกะ) ซึ่งเดิมเป็นอสูรพี่น้อง แต่เกิดความโลภแย่งสมบัติกัน ต่างฝ่ายต่างสาปให้กลายเป็นเต่าและช้างที่มีขนาดใหญ่โตมาก พญาเวนไตยเอาปากคาบสัตว์ทั้งคู่บินไปเกาะกิ่งไทรที่มีความยาวถึงหนึ่งร้อยโยชน์ แต่กิ่งไทรทานน้ำหนักไม่ไหว หักลงมา พญาเวนไตยแลเห็นว่าบนกิ่งไทรมีพวกฤาษีแคระซึ่งเรียกว่า "พาลขิยะ" มีขนาดเท่านิ้วมือ จึงเอาเท้าจับกิ่งไทรบินพาไปวางไว้ที่เขาเหมกูฏ พวกฤๅษีเห็นว่าพญานกตนนี้มีจิตใจงดงาม จึงให้ชื่อว่า "ครุฑ" (Garuda ภาษาเดิมอ่านว่า คะ-รุ-ทะ) แปลว่าผู้รับภาระอันหนัก ทั้งยังให้พรว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งใดให้สำเร็จตามประสงค์ และให้มีพละกำลังมหาศาล ไม่มีผู้ใดต้านทานได้



                                                                                   ที่มาhttps://i.pinimg.com/originals/5f/2f/89/5f2f89c08ce899430ba208a944a56e66.jpg

                                    จากนั้น พญาครุฑก็บินไปยังเทวโลก นำน้ำอมฤตออกมา พระวิษณุหรือพระนารายณ์เสด็จมาพบเข้าจึงจู่โจมเข้าหากัน แต่ต่างไม่สามารถเอาชนะกันได้ พระนารายณ์ทรงพอพระทัยจึงทรงให้พรตามที่พญาครุฑต้องการ พญาครุฑขอพรสองประการคือ ขอเป็นพาหนะให้พระวิษณุในเวลาเสด็จไปยังที่ต่างๆ แต่ในยามปกติขออยู่เหนือพระวิษณุ และขอให้มีความเป็นอมตะแม้จะไม่ได้ดื่มน้ำอมฤตก็ตาม พระวิษณุก็ทรงให้พรตามที่ขอ และยังทรงอนุญาตให้สามารถจับนาคกินเป็นอาหารได้ ยกเว้น "เศษะนาค" และ "นาควาสุกรี" ซึ่งเป็นผู้เคารพในพระองค์ ด้วยเหตุดังกล่าว พญาครุฑจึงเป็นเทพพาหนะของพระวิษณุ ในยามที่เสด็จไปยังที่ต่างๆ ส่วนในยามปกติพญาครุฑจะอยู่บนเสาธงนำขบวนของพระวิษณุ เรียกว่า “ครุฑธวัช”


                                ที่มา https://www.bloggang.com/data/tuk-tukatkorat/picture/1380786516.jpg


           ที่มา http://i666.photobucket.com/albums/vv24/hotamulet/ac/DSC_5644.jpg


                               
                       เมื่อพญาครุฑออกเดินทางต่อ ปรากฏว่าพระอินทร์ตามมาแย่งน้ำอมฤตคืน เกิดสู้รบกัน พระอินทร์สู้ไม่ได้ จึงทำสัญญาเป็นมิตรกัน พญาครุฑบอกให้พระอินทร์ตามไปเอาน้ำอมฤตคืนหลังจากที่ตนส่งน้ำอมฤตให้พวกนาคแล้ว เมื่อพญาครุฑกลับมา ก็นำน้ำอมฤตไปไถ่ตัวมารดา แล้วออกอุบายให้พวกนาคไปชำระร่างกายก่อนดื่มน้ำอมฤต เมื่อพวกนาคหลงกล พระอินทร์ก็ฉวยเอาน้ำอมฤตกลับสวรรค์ ครุฑและพญานาคจึงเปิดฉากต่อสู้กัน แต่แล้วพญานาคก็ต้องพ่ายครุฑอยู่ร่ำไป จนเกิดเป็นตำนาน “ครุฑยุดนาค”มาจวบจนทุกวันนี้


                                 ครุฑยุดนาค เป็นตำนานที่เล่าถึงครุฑและนาค ที่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่รุ่นแม่ คือ นางวินตา แม่ของพญาครุฑและนางกัทรุ แม่ของนาค เมื่อนางทั้งสองคลอดลูกของตนออกมา พญาครุฑจึงขอไถ่แม่ของตนจากพวกนาคโดยแลกเปลี่ยนกับน้ำอมฤตของพระอินทร์ ระหว่างทางไปสวรรค์นั้นได้ชื่อว่า "ครุฑ" และได้รับพรจากพรามณ์แคระ จากนั้นพระวิษณุมาพบเข้าจึงเกิดการต่อสู้กัน ผลออกมาไม่มีใครแพ้ ชนะ พระวิษณุพอใจจึงให้พรตามที่พญาครุฑร้องขอ คือ ขอเป็นพาหนะให้พระวิษณุในเวลาเสด็จไปยังที่ต่างๆ แต่ในยามปกติขออยู่เหนือพระวิษณุ และขอให้มีความเป็นอมตะแม้จะไม่ได้ดื่มน้ำอมฤตก็ตาม พระวิษณุก็ทรงให้พรตามที่ขอ และยังทรงอนุญาตให้สามารถจับนาคกินเป็นอาหารได้ ยกเว้น "เศษะนาค" และ "นาควาสุกรี" ซึ่งเป็นผู้เคารพในพระองค์ เมื่อพญาครุฑได้น้ำอมฤตแล้วได้หลอกพวกนาคให้ไปชำระร่างกายก่อนที่จะดื่มน้ำอมฤต พวกนาคก็หลงเชื่อ พระอินทร์จึงฉวยเอาน้ำอมฤตกลับสวรรค์ ครุฑและพญานาคจึงเปิดฉากต่อสู้กัน แต่แล้วพญานาคก็ต้องพ่ายครุฑอยู่ร่ำไปจนเกิดเป็นตำนานจวบจนปัจจุบัน


---------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง: 


เปิดตำนาน "ครุฑยุดนาค" ศัตรูตลอดกาล. (2559). เปิดตำนาน "ครุฑยุดนาค" ศัตรูตลอด 
               กาล. ค้นวันที่ 16 ตุลาคม 2560, จาก http://www.tnews.co.th/contents/206987.


พี่น้ำหวาน. (2559). ตำนานครุฑยุดนาค. ค้นเมื่อ 17 ตุลาคม 2560, จาก https://www.dek-
               d.com/writer/43498/


ความคิดเห็น