“
ที่มา i2.wp.com/navutudreams.com/wp-content/uploads/sites/401/2014/09/Kbal-Spean.jpg?fit=600%2C399
ถ้าหาก ว่าได้มากัมพูชาจุดมุ่งหมายหลักของนักท่องเที่ยวคงไม่พ้นนครวัดและนครธมแน่นอน แต่วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักสถานที่แห่งหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่แพ้นครวัดและนครธม นั่นก็คือ "กบาลสะเปียน: แม่น้ำพันศิวลึงค์"
ที่มา images.thaiza.com/38/38_20130105125227..jpg
กบาลสะเปียนหรือหัวสะพาน เป็นแนวก้อนหินธรรมชาติที่สลักภาพต่างๆ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 โดยมีพระประสงค์เพื่อให้พราหมณ์ประกอบพิธีเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำน้ำไปประกอบพิธีหลวงในพระราชวัง และเพื่อให้เหล่ามวลประชาราษฎร์นำไปบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บ นำไปใช้กับไร่นาของตนได้และเพื่อผลผลิตที่สมบูรณ์ มีลักษณะเป็นศิลปะแบบปาปวน
ที่มา www.photoontour9.com/image/outbound/angkor_kohker/13/26.jpg
ที่แห่งนี้เป็นที่ถูกรู้จักเมื่อ ค.ศ.1968 โดยนักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส ปอล บัวลิเย่ เขาได้ตั้งตั้งสมยานามสายธารปริศนาแห่งนี้ว่า “The River of the Thousand Lingar” แปลว่า แม่น้ำที่มีหินศิวะลึงค์สลักอยู่ใต้น้ำเป็นจำนวนนับพันๆองค์
ที่มา f.ptcdn.info/274/026/000/1417874886-KH11621-o.jpg
แม่น้ำแห่งนี้มีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขากุเลน ธารน้ำสายนี้แยกไหลเป็นสายย่อยเลาะรอบเมืองพระนครก่อนที่จะไหลรวมกับแม่น้ำเสียมเรียบ และไหลลงทะเลสาบในที่สุด เพื่อให้แม่น้ำสายนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างกับน้ำที่ไหลผ่านศิวะลึงค์และโยนี ที่ชาวขอมนับถือกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู จึงต้องสลักองค์เทพต่างๆ พร้อมกับโยนี-ศิวะลึงค์ ที่ต้นแม่น้ำ เพื่อการดึ่มกินและการเพาะปลูกเป็นไปอย่างสมบูรณ์เป็นที่น่าสังเกตว่าด้านหน้าของโยนีถูกสลักให้หันไปทางทิศเหนือเสมอ เพราะว่าแต่โบราณถือว่าเหนือเป็นทิศแห่งโชคลาภ และความสมบูรณ์พูนสุขจึงนิยมสลักโยนีสู่ทิศเหนือเสมอ
ที่มา upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/71/KbalSpean.jpg/800px-KbalSpean.jpg
กบาลสะเปียน เป็นศิลปะแบบปาปวน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 โดยมีพระประสงค์เพื่อให้พราหมณ์ประกอบพิธีเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำน้ำไปประกอบพิธีหลวงในพระราชวัง และเพื่อให้ประชาราษฎร์นำไปบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บ นำไปใช้กับไร่นาของตนได้ ธารน้ำสายนี้แยกไหลเป็นสายย่อยเลาะรอบเมืองพระนครก่อนที่จะไหลรวมกับแม่น้ำเสียมเรียบด้านล่าง และเพื่อให้แม่น้ำสายนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างกับน้ำที่ไหลผ่านศิวะลึงค์และโยนี ที่ชาวขอมนับถือกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู จึงต้องสลักองค์เทพต่างๆ พร้อมกับโยนี-ศิวะลึงค์ ที่ต้นแม่น้ำ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง :
กบาลสะเปียน ป่าต้นน้ำกำเนิดแห่งนครวัด. (2559). กบาลสะเปียน ป่าต้นน้ำกำเนิดแห่งนครวัด. ค้น
เมื่อ 12 ตุลาคม 2559, จาก http://www.aec10news.com.
Travel.thaiza.com. (2556). กบาลสะเปียน เสน่ห์แม่น้ำศิวะลึงค์. ค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2559, จาก
นอกจากศิวลึงค์และโยนีแล้ว ยังมีภาพสลักนารายณ์บรรทมสินธุ์ ภาพพระศิวะ พระพรหม พระวิษณุ และเทพองค์อื่นๆ อีกมากมายอยู่ใต้น้ำในบริเวณเดียวกันด้วย
ที่มา upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/71/KbalSpean.jpg/800px-KbalSpean.jpg
กบาลสะเปียน เป็นศิลปะแบบปาปวน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 โดยมีพระประสงค์เพื่อให้พราหมณ์ประกอบพิธีเสกน้ำให้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำน้ำไปประกอบพิธีหลวงในพระราชวัง และเพื่อให้ประชาราษฎร์นำไปบูชารักษาโรคภัยไข้เจ็บ นำไปใช้กับไร่นาของตนได้ ธารน้ำสายนี้แยกไหลเป็นสายย่อยเลาะรอบเมืองพระนครก่อนที่จะไหลรวมกับแม่น้ำเสียมเรียบด้านล่าง และเพื่อให้แม่น้ำสายนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่ต่างกับน้ำที่ไหลผ่านศิวะลึงค์และโยนี ที่ชาวขอมนับถือกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อในศาสนาฮินดู จึงต้องสลักองค์เทพต่างๆ พร้อมกับโยนี-ศิวะลึงค์ ที่ต้นแม่น้ำ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ้างอิง :
กบาลสะเปียน ป่าต้นน้ำกำเนิดแห่งนครวัด. (2559). กบาลสะเปียน ป่าต้นน้ำกำเนิดแห่งนครวัด. ค้น
เมื่อ 12 ตุลาคม 2559, จาก http://www.aec10news.com.
Travel.thaiza.com. (2556). กบาลสะเปียน เสน่ห์แม่น้ำศิวะลึงค์. ค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2559, จาก
https://travel.thaiza.com/259963/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น